ตั้งแต่ยุคก่อตั้งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นสโมสรที่แทบไม่ได้ขาดหัวหอกจอมถล่มประตูเลย ถึงแม้จะมีบ้างในบางช่วงที่มีตัวความหวัง เข้ามาสู่ทีมก่อนที่จะดับไปแบบหมดสภาพไม่ว่าจะเป็น ดาวิด เอ็นก็อก, แอนดี้ คาร์โรลล์ หรือมาริโอ บาโลเตลลี่ แต่กับในยุคพรีเมียร์ลีก ยี่ห้อ “หงส์แดง” ได้สร้างยอดดาวยิงมาแล้วหลายคนพลัดเปลี่ยนกันมาล่าประตูในถิ่นแอนฟิลด์
มาดู 8 นักเตะ ดาวยิง ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ยุคเก่ายันปัจจุบัน
โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ลงสนาม : 89 นัด
ยิง : 64 ประตู
แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ลงสนาม : 104 นัด
ยิง : 51 ประตู
ด้วยอาการบาดเจ็บและความต่อเนื่องในการยิงประตูจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ สเตอร์ริดจ์ ไม่ได้รับการยอมรับในหมู่ ‘เดอะ ค็อป’ เสียเท่าไหร่ หัวหอกชาวอังกฤษย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงฤดูกาล 2012-13 และถ้าจะถามหาช่วงที่พีคที่สุดก็คือซีซั่น 2013-14 ที่ลงสนามในลีกไป 29 นัด ซัดกระจาน 22 ประตู พ่วงด้วย 9 แอสซิสต์และในซีซั่นนี้ถึงแม้จะเป็นเพียงกองหน้าสำรอง แต่เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อไหร่ที่ได้โอกาส เขาพร้อมจะตอบแทนความไว้ใจด้วยการพังประตูในทันที
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่
ลงสนาม : 180 นัด
ยิง : 61 ประตู
หัวหอกชาวแซมบ้า ย้ายมาสวมเครื่องแบบ “หงส์แดง” เมื่อฤดูกาล 2015-16 ในช่วงแรกอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก แต่แล้วการเปลี่ยนตัวกุนซือมาเป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้เขาสามารถรีดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ และเป็น 1 ในสามประสานที่ยอดเยี่ยมของทีมในตอนนี้ และมันคงไม่แปลกที่เขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมของทีมในยุคนี้
เดิร์ค เค้าท์
ลงสนาม : 208 นัด
ยิง : 51 ประตู
ตลอดระยะเวลา 6 ปีในถิ่นแอนฟิลด์ เดิร์ค เค้าท์ อาจจะไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหัวหอกเบอร์ต้นๆ ของสโมสรแต่เขาก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมอยู่ไม่น้อย จากการสไตล์การเล่นที่วิ่งสู้ฟัด ขยัน จึงทำให้เข้าไปอยู่ในใจของแฟนบอล ลิเวอร์พูล ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่แล้วการเข้ามาของ แบรนเดน ร็อดเจอร์ ก็ทำได้โล๊ะ เค้าท์ ออกจากทีม ถามกลางคำถามจากแฟนบอลว่า เร็วเกินไปไหมที่จะปล่อยนักเตะที่มีคุณสมบัติแบบนี้ออกจากทีมไป
ไมเคิ่ล โอเว่น
ลงสนาม : 216 นัด
ยิง : 118 ประตู
เด็กที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ของสโมสร ก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมระบบการทำลายร้างประตูคู่ต่อสู้แบบโคตรโหด เรียกได้ว่าซื้อใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล ได้แบบรวดเร็วในช่วงเวลานั้น แต่แล้วนิยมของเขาก็เริ่มลดลงเมื่อเขาสะบัดตูดไปเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2014 และจุดแตกหักอย่างแท้จริงมันอยู่ช่วงซัมเมอร์ 2009 ที่ ชายที่ชื่อ ไมเคิ่ล โอเว่น ปรากฏกายในสีเสื้อของอริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เฟร์นานโด ตอร์เรส
ลงสนาม : 102 นัด
ยิง : 75 ประตู
ค่าตัว 20 ล้านปอนด์ที่ ลิเวอร์พูล จ่ายให้กับ แอต.มาดริด เมื่อปี 2007 ย้ายเป็นถูกเหมือนได้ฟรีจากฟอร์มที่ถล่มประตูเป็นว่าเล่นของหัวหอกชาวสเปนผู้นี้ ช่วงเวลาตลอด 4 ปีกับ “หงส์แดง” เจ้าของฉายา ‘เอล นินโญ่’ ประสานงานร่วมกับ สตีเว่น เจอราร์ด ได้แบบลงตัว และไม่แปลกที่ ตอร์เรส จะเข้าไปครองหัวใจของแฟนบอลแบบไม่มีข้อสงสัย และการจากไป เชลซี ของเขาก็ถือว่าเป็นเข้าใจได้ของ เดอะ ค็อป ทั้งหลาย
หลุยส์ ซัวเรซ
ลงสนาม : 110 นัด
ยิง : 69 ประตู
แน่นอนว่าหัวหอกผู้นี้ต้องเข้ามาอยู่ในทำเนียบยอดดาวยิงของ ลิเวอร์พูล ซัวเรซ เข้ามาในถิ่นแอยฟิลด์พร้อมกับ แอนดี้ คาร์โรลล์ แต่กลายเป็นฟอร์มคนละเรื่องอย่างหน้ากับหลังมือ ดาวเตะจากละตินอเมริกาสามารถดลบารดาลทุกท่วงท่าการยิงหาคนที่จะมาหยุดยากเสียเหลือเกิน และฤดูกาลที่เป็นจุดพีคของศูนย์หน้าฟันเฉาะคือ 2013-14 ที่ลงเล่นในลีกไป 33 ประตู ซัด 31 ลูก เป็นการอำลาก่อนชายไปสวมเครื่องแบบ บาร์เซโลน่า ในซีซั่นถัดมา
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
รอบแรก
ลงสนาม : 236 นัด
ยิง : 120 ประตู
รอบสอง
ลงสนาม : 30 นัด
ยิง : 8 ประตู
ฉายา ‘เดอะ ก็อต’ ไม่ได้มาเพราะจับฉลาก เพราะนี่คือศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 1993 ฟาวเลอร์ เข้ามาแทนที่ของ เอียน รัช ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และการกลับมาในรอบที่ 2 ถึงแม้อายุจะเริ่มเยอะแล้วแต่ด้วยยี่ห้อ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ก็ยังครองใจแฟนบอลทุกรุ่นของแฟน ลิเวอร์พูล อยู่ดี ถึงแม้ประโยชน์ในการใช้สอยจะน้อยลงไป แต่คำว่า ตำนาน ยังคงอยู่ในตัวของ เดอะ ก็อต ผู้นี้ตลอดไป